Page 3 - ตู้พระไตรปิฎก มรดกประณีตศิลป์
P. 3
ลวดลายสมัยอยุธยามีความอ่อนช้อย ปลายพลิ้ว
แสดงถึงความมีอิสระของช่างไทยที่แสดงฝีมือได้อย่าง
เต็มที่โดยไม่ถูกจ�ากัดด้วยรูปแบบต้นร่าง ลวดลายและ
องค์ประกอบบนตู้พระไตรปิฎกจึงมีทั้งที่เป็นรูปแบบ
เดียวกันและแตกต่างกัน แต่สอดคล้องลงตัวอย่างพอเหมาะ
งดงาม ถ้าเป็นสมัยอยุธยาตอนต้น ครูช่างจะมีช่องไฟ
เว้นไว้พองาม ส่วนสมัยอยุธยาตอนปลายนั้น ศิลปิน
นิยมเขียนลายเต็มพื้นที่ ความงดงามดังกล่าวบอกเล่า
สะท้อนถึงสังคมที่อยู่ดีมีสุข และจิตใจอันอ่อนโยนของ
ผู้คนในสมัยนั้นได้เป็นอย่างดี แต่เมื่อบ้านเมืองเข้าสู่ภาวะ
ศึกสงครามยืดเยื้อยาวนานช่วงปลายกรุงศรีอยุธยา ไฟ
สงครามและความพลัดพรากสูญเสียได้บั่นทอนความ
สุนทรีในจิตใจของผู้คน ลวดลายศิลปะในสมัยธนบุรีจึง
ขาดอิสระในปลายเส้น และความพิถีพิถันในการเขียน
ลายก็น้อยกว่าสมัยอยุธยา ส่วนในสมัยรัตนโกสินทร์ ช่าง
มักยึดติดกับต้นแบบที่ร่างไว้ ท�าให้ลวดลายมักเป็นลาย
ตู้พระธรรมขาหมู ลายรดน�้า เดียวกันตลอดทั้งตู้ ปลายเส้นก็ดูแข็งกระด้าง ขาดอิสระ
วาดลวดลายเรื่องรามเกียรติ์
ไม่อ่อนช้อยพลิ้วไหวเหมือนยุคที่ผ่านมา ถึงกระนั้นก็ยัง
คงความงดงามวิจิตรบรรจงได้อย่างน่าชื่นชม
ภาพสัตว์หิมพานต์ ลายรดน�้า ลายรดน�้าผูกลายกระหนกก้านขด
ตู้พระธรรมวัดเชิงหวาย เรื่องรามเกียรติ์ ศิลปะรัตนโกสินทร์
ศิลปะอยุธยา (พุทธศตวรรษที่ ๒๔)
66 อยู่ในบุญ มีนาคม ๒๕๕๙
66